Uncategorized

“กลุ่มติดตามน้ำมันปตท.รั่ว” เตรียมลงพื้นที่ระยอง ชวนชาวบ้านร่วมโชว์ผลกระทบวิกฤตน้ำมันรั่ว หลังรัฐไร้คำตอบตั้งกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบ

 

image ให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบกรณีน้ำมันปตท.รั่ว เพื่อหาผู้รับผิดชอบ  แต่รัฐบาลกลับไม่มีการดำเนินการใดๆ ในขณะที่ความเดือดร้อนที่แสนสาหัสของชาวบ้านทวีความรุนแรงมากขึ้น  โดยเฉพาะผลกระทบจากสารเคมีที่เริ่มปรากฎให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ

นายบุญปลอด สรเกิด  อายุ 45 ปี  ชาวประมงพื้นบ้าน  กล่าวว่า  ก่อนเหตุน้ำมันรั่วจะมีรายได้เฉลี่ยอย่างน้อย  60,000 บาทต่อเดือน แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว ไม่มีรายได้เข้ามาเลย เพราะไม่มีปลา เมื่อสัปดาห์ที่แล้วออกเรือได้ 3 วัน ได้ปลาหมึกแค่ 12 กิโลกรัม กับปลาอินทรีย์อีก 1 ตัว  ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้อย่างน้อยต้องได้วันละ 20-30กิโลกรัม  สภาพแบบนี้ทำให้รู้สึกท้อแท้มาก เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ทะเลจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

ขณะที่นายสันต์  เข็มจรูญ  อายุ 49 ปี อาชีพประมงพื้นบ้านสะท้อนความรู้สึกแบบเดียวกันว่า  หลังจากวิกฤตน้ำมันรั่ว ทำให้เสียโอกาสในการทำประมงอย่างมาก  เนื่องจากไม่สามารถหาปลาได้เหมือนเดิม  และอยากให้ผู้ที่รับผิดชอบมาให้ข้อมูลเรื่องผลกระทบจากสารเคมี เพราะตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าปลาที่จับได้มีการปนเปื้อนหรือไม่  ทำให้รู้สึกลำบากใจ  กลัวว่าปลาที่จับมาได้จะมีอันตรายต่อผู้บริโภค และไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร จึงอยากให้มีการแก้ไขโดยเร่งด่วนก่อนที่จะสายไปมากกว่านี้

นางสาวสุภาภรณ์ มาลัยลอย  ตัวแทนกลุ่มติดตามน้ำมันปตท.รั่ว กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก แต่รัฐบาลก็ยังไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยก่อนหน้านี้ทางกลุ่มได้ยื่นรายชื่อประชาชนจำนวน 32,000 คนที่ลงชื่อผ่าน Change.org สนับสนุนให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น  แต่รัฐบาลยังคงเมินเฉย ซึ่งแสดงถึงความไม่จริงใจของรัฐบาลในการแก้ปัญหา  ยืนยันว่าทางกลุ่มฯจะเดินหน้ากดดันให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้จนถึงที่สุด  เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่มีความชัดเจน และมีมาตรการควบคุมตรวจสอบไม่ให้เหตุนี้เกิดซ้ำอีกในอนาคต

ทั้งนี้ทางกลุ่่มฯจะลงพื้นที่ระยองในวันที่ 30 ก.ย. เพื่อร่วมกับประชาชนในพื้นที่ เพื่อจัดงาน “ วิกฤตน้ำมันรั่ว : 2 เดือนผ่านไป การฟื้นฟูเสม็ดสำเร็จแล้วจริงหรือ”   โดยชาวบ้านจะจัดกิจกรรมทำความสะอาดทะเล ด้วยการเก็บก้อนน้ำมันทาร์บอล กระดองหมึกและ ซากสัตว์น้ำๆ เพื่อแสดงถึงผลกระทบของเหตุการณ์น้ำมันรั่วว่ายังคงมีอยู่ รวมถึงมีเวทีสาธารณะโดยประชาชนในพื้นที่และนักวิชาการเพื่อพูดคุยปัญหาที่เกิดขึ้นด้วย

นายจตุรัส เอี่ยมวรนิรันดร์  นายกสมาคมประมงพื้นบ้าน จ.ระยอง กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการจัดงานนี้เพื่อจะบอกความจริงให้กับสังคมรู้ว่า สภาพเหตุการณ์จริงที่ระยองยังไม่ปกติเหมือนในโฆษณา ที่ ปตท.กำลังป่าวประกาศอยู่ในตอนนี้  เพราะความจริงมันยังตรงกันข้าม โดยเฉพาะเรื่องสัตว์น้ำที่ ปตท. บอกว่าไม่มีผลกระทบ แต่ทำไมหมึกกระดองตายเป็นแสนๆตัว จนชาวประมงไม่สามารถหาปลาได้  เต่าตนุซึ่งเป็นสัตว์อนุรักษ์ตายไปกว่า 10 ตัว  และยังมีก้อนน้ำมันลอยมาที่ชายหาดอยู่เรื่อยๆ  เห็นได้ชัดเจนว่าผลกระทบยังมีอยู่ไม่ได้เป็นเหมือนในโฆษณาชวนเชื่อของปตท.

“ดังนั้นอยากให้ปตท . มีความรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่านี้  ไม่ใช่แค่การโฆษณาชวนเชื่อ   เพราะฉะนั้นต้องมีการตรวจสอบผลกระทบ ถ้ายังไม่แน่ใจอย่าเพิ่งให้นักท่องเที่ยวมา เพราะหากนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่นี่  แล้วกินอาหารที่มีการปนเปื้อน หรือกลับไปแล้วป่วยเป็นโรคมะเร็ง ใครจะรับผิดชอบ  พวกเราเป็นชาวประมงได้รับผลกระทบและเจ็บปวดที่หาปลาไม่ได้ แต่เราก็ไม่สบายใจ ถ้าปลาที่เราหาได้เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค เราถึงเรียกร้องให้มีการค้นหาความจริง  มันแปลว่าพวกเรามีความรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่า ปตท. หรือเปล่า”  นายจตุรัส กล่าว

นายกสมาคมชาวประมงพื้นบ้าน กล่าวว่า  ขอเรียกร้องว่าต้องมีการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาตรวจสอบความจริง เพื่อทำความจริงให้ปรากฎ  เพราะทุกวันนี้เราไม่รู้เลยว่าน้ำมันรั่วไหลเท่าไหร่กันแน่ เพราะปตท.  ทำลายหลักฐานด้วยการไม่อายัดเรือไว้ตรวจสอบ  อีกทั้งเราไม่รู้เลยว่ามีการใช้สารซิลิคอน  NSA ไปเท่าใด แต่ยืนยันว่าสารพวกนี้เป็นอันตราย เพราะในคู่มือการใช้ระบุเลยว่า สารเหล่านี้มีผลกระทบต่อสัตว์น้ำโดยเฉพาะ ปลาหมึก และ แพลงตอน แต่ปตท. กลับบอกว่าไม่มีผลกระทบ ซึ่งเป็นความจริง เพราะมันเป็นสารเคมีไม่ใช่สารอินทรีย์ และน้ำมันก็มีโลหะหนัก มีปรอท ที่สามารถก่อโรคมะเร็ง แล้วจะบอกว่าไม่ผลกระทบได้อย่างไร ในเมื่อยังไม่มีการวิจัยรองรับ

ด้าน นายวันชัย สุนานันท์  พ่อค้าส้มตำริมหาดแม่รำพึง กล่าวว่า  ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่วสามารถขายอาหารได้วันละ 1,000  – 2,000 บาท  หากเป็นช่วงวันหยุดจะได้มากกว่าวันละ  3,000- 4,000 บาท   แต่หลังเหตุการณ์น้ำมันรั่วก็ไม่สามารถขายของได้เหมือนเดิม เพราะไม่มีนักท่องเที่ยว เหลือรายได้แค่อาทิตย์ละ 500- 1000 บาท  มิหนำซ้ำผ่านไปแล้ว 2 เดือนทางครอบครัว ก็ยังไม่ได้รับค่าชดเชยจากปตท. ซึ่งเขาจ่ายเท่ากับค่าแรงงานขั้นต่ำวันละ 300  บาท เป็นเวลา 1เดือน คือ 9,000  บาท ซึ่งไม่เป็นธรรมเพราะความเสียหายจริงมันมากกว่านั้น  เรื่องนี้ต้องมีผู้รับผิดชอบ เพราะชาวบ้านกลายเป็นเหยื่อและได้รับความเดือดร้อนโดยที่ไม่ได้ทำอะไรผิด

ปิดท้ายที่ นางจิรภัทร รัตนปัญญา  เจ้าของสินสมุทรบริการท่องเที่ยวครบวงจร กล่าวว่า  หลังเหตุการณ์น้ำมันรั่วทำให้ระยองกลายเป็นจังหวัดร้าง เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวเลย  ผลกระทบที่เกิดขึ้น มันเหมือนโดมิโน่ ถ้าธุรกิจท่องเที่ยวล้มไปตัวหนึึ่ง  อาชีพอื่นๆ ก็ได่้รับผลกระทบทั่วกันหมด  ไม่ว่าจะเป็นชาวประมง คนขายของริมชายหาด แม่ค้าในตลาด คนขับรถตู้ ที่ืเชื่อมกันหมดเพราะเรามีรายได้จากนักท่องเที่ยว ทุกวันนี้ไม่รู้ว่าจะไปร้องขอความช่วยเหลือจากไหน ไปถึงเขาจะให้พบหรือเปล่า และเขามักง่ายหรือเปล่าที่ทำให้เราเดือดร้อนแบบนี้

Written by
Change.org
September 26, 2013 11:10 am